หลังจากได้ขยายกิจการไปต่างประเทศครั้งเเรกในปี พ.ศ.2533 เมื่อตั้งบริษัท TileCera เพื่อผลิตเเละจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกในสหรัฐอเมริกา เครือซิเมนต์ไทยได้เริ่มขยายกิจการในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องตั้งเเต่ปี พ.ศ.2534
เเนวคิดการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคเกิดจากคณะจัดการของเครือซิเมนต์ไทย ได้พิจารณาว่าถึงเวลาหรือยังที่จะออกไปต่างประเทศ หรือจะเก่งแต่ในประเทศ ประกอบกับในขณะนั้นธุรกิจในประเทศบางประเภท เช่น ธุรกิจกระดาษ ก็ขยายตัวต่อไปไม่ได้ เนื่องจากภาวะอิ่มตัวของตลาดไม่สามารถขยายโรงงานต่อไปได้
ในระยะเเรกเริ่มปี พ.ศ.2534 - 2537 เครือซิเมนต์ไทยเริ่มทยอยเปิดธุรกิจการค้าในประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนาม เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวเเทนนำสินค้าของเครือซิเมนต์ไทยเข้าไปขาย นอกจากนี้ยังได้มีการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทท้องถิ่นที่เป็นเจ้าตลาด เช่น บริษัท Mariwasa Manufacturing Inc. ผู้ผลิตเซรามิกรายใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์
ปี พ.ศ.2537 ยังเป็นปีที่เครือซิเมนต์ไทยขยายการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ โดยร่วมทุนกับ Michelin เเละบริษัทเหมืองทองท้องถิ่นเเห่งหนึ่ง เปิดบริษัท Michelin Siam Philippines เพื่อผลิตยางรถยนต์ออกสู่ตลาด ถือเป็นการเข้าไปทำธุรกิจครั้งเเรกในประเทศนี้ ก่อนที่จะมีอีกหลายธุรกิจตามมา เช่น ธุรกิจสุขภัณฑ์เเละกระดาษ
จากคำบอกเล่าของนายขจรเดช เเสงสุพรรณ (ขณะที่ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ - ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง) ระบุว่าช่วงปี พ.ศ.2537 - 2538 คณะจัดการได้มีการหารือกันว่าถึงเวลาหรือยังที่เครือซิเมนต์ไทยจะออกไปทำธุรกิจในระดับนานาชาติมากขึ้นหรือจะเลือกเป็นใหญ่อยู่เฉพาะในประเทศเท่านั้น ปี พ.ศ. 2538 นับเป็นปีที่เครือซิเมนต์ไทยขยายการลงทุนในต่างประเทศครั้งใหญ่ มีจำนวนมากถึง 5 โครงการในประเทศพม่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เเละจีน ซึ่งทุกโครงการเป็นโครงการผลิตสินค้าทั้งสิ้น อาทิ คอนกรีตผสมเสร็จในพม่า พีวีซีเเละเยื่อกระดาษในอินโดนีเซีย เเละวัสดุก่อสร้างเเละเซรามิกในจีนปี พ.ศ.2539เครือซิเมนต์ไทยยังคงขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้เริ่มธุรกิจผลิตเเผ่นยิปซัมในประเทศจีนเเละอินโดนีเซีย เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจยิปซัมเป็นธุรกิจที่เครือซิเมนต์ไทยมีประสบการณ์เเละ Know How ดีพอ นอกจากนี้ยังได้ริเริ่มโครงการผลิตกระเบื้องซีเมนต์ใยธรรมชาติที่ประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
เเต่ภาวะวิกฤตการณ์ทางการเงินปี พ.ศ.2540 ทำให้เครือซิเมนต์ไทยตัดสินใจลดบทบาทการลงทุนในต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ กัน เช่น ลดสัดส่วนการถือหุ้นโดยขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมหรือขายกิจการทั้งหมดให้ผู้ผลิตรายอื่น เช่น ในกรณีที่ขายกิจการยิปซัมที่ประเทศจีนให้กับ Knauf (เยอรมัน) เพื่อหันมาทบทวนแนวทางการขยายการลงทุน
