พ.ศ.2523 เริ่มต้นธุรกิจวัสดุก่อสร้างตกแต่ง

บริษัท โรยัลโมเสคเอ็กซ์ปอร์ตอุตสาหกรรม จำกัด โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ได้แก่ นายอุดม สังขทรัพย์ และพลตรีประมาณ อดิเรกสาร เป็นโรงงานผลิตกระเบื้องโมเสค ตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี เป็นโครงการที่ใหญ่มากใช้เงินกู้จำนวนมากจากหลายธนาคาร เช่น ธนาคารแหลมทอง ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม รวมทั้งบริษัทเงินทุนอีกหลายแห่ง

ในปี 2520 มีปัญหาไม่สามารถดำเนินโครงการต่อได้ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้ไม่ยอมจ่ายเงินกู้งวดสุดท้ายตามที่ตกลงไว้สำหรับเป็นเงินทุนหมุน เวียน เพราะกิจการประสบภาวะขาดทุนจำนวนมาก มีเพียงบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเท่านั้นที่ตัดสินใจให้เงินกู้ เพิ่มอีกนับพันล้านบาทแต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น

นายสมหมาย ฮุนตระกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 ย่อมมีส่วนรู้เห็นความเป็นไปของกลุ่มโรยัลโมเสค นอกจากนี้ นายสมหมาย ฮุนตระกูล ยังเป็นเพื่อนนักเรียนญี่ปุ่นรุ่นเดียวกับกับนายอุดม สังขทรัพย์ และภรรยาด้วย ดังนั้นการที่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมฯ ขอให้เครือซิเมนต์ไทยเข้าไปหาทางช่วยเหลือ กลุ่มโรยัลโมเสคจึงเป็นเรื่องที่อึดอัดพอสมควร

ขณะเดียวกัน การลงทุนในธุรกิจกระเบื้องโมเสค คณะกรรมบางส่วนมี่จินตนาการว่าไม่เกี่ยวข้องและเกื้อกูลกับธุรกิจเครือซิ เมนต์ไทยในขณะนั้นเลย ดังนั้นความพยายามเรื่องนี้จึงมีอุปสรรคมากพอสมควร

ตามแนวคิดของนายโอสถ โกศิน กรรมการผู้หนึ่งของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ที่ยกขึ้นคัดค้านถึง 10 ข้อนั้นนับว่าเป็นการทักท้วงที่น่าสนใจ โดยเฉพาะประเด็นการพัฒนาของสินค้า ซึ่งในเวลาต่อมากระเบื้องโมเสคก็ลดความนิยมไปมาก อย่างไรก็ตาม ผลการเรียนรู้ธุรกิจที่มีโครงสร้างการผลิตแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับธุรกิจของ เครือซิเมนต์ไทยก็มีคุณค่าอย่างมาก และความเข้าใจในเรื่องนี้มีการเกื้อกูลกันเชิงยุทธศาสตร์ธุรกิจก็มีมากกว่า ที่คิดไว้แต่แรก แม้ว่าเริ่มต้นจะคิดว่าธุรกิจนี้ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรง แต่ถือเป็นการเสริมสร้างสินค้าเพื่อการส่งออก และสนับสนุนธุรกิจการค้าระหว่างประเทศซึ่งระหว่างนั้นอยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งความจริงก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้การเข้าสุ่ธุรกิจของเครือซิเมนต์ไทย ในกรณีนี้แตกต่างจากกรณีอื่น ๆ เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง

กรณี นี้ไม่ใช่การครอบงำกิจการ หากเป็นการตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่แล้วรับซื้อสินทรัพย์ ซึ่งประกอบด้วยโรงงาน เครื่องจักร ฯลฯ เข้ามาเป็นสินทรัพย์ของบริษัท